หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญของหน้าประวัติศาสตร์ไทย เราขอยกเรื่องการเลิกทาสของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 มาไว้ก่อนเลย เนื่องจากการเลิกทาสถือว่าเป็นการยกเลิก เปลี่ยนแปลง ความเชื่อ แนวคิด ที่มีมานานฝังรากลึกจนยากจะแก้ แต่ท่านก็สามารถยกเลิกได้โดยไม่เกิดข้อขัดแย้งด้วย เรามาลองคิดกลับกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีการเลิกทาสในสมัย รัชกาลที่ 5
การสร้างข้ออ้างเพื่อยึดเมืองไทย
ตอนนั้นไทยเราอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการโดนยึดประเทศเป็นเมืองขึ้นหนักมาก ฝั่งหนึ่งได้แก่อังกฤษ อีกฝั่งหนึ่งก็ฝรั่งเศส ทั้งสองประเทศต่างต้องการไทยซึ่งถือว่าเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ เป็นชัยภูมิตั้งฐานทัพอย่างดีในการรุกรานประเทศอื่นต่อไป ตอนนั้นทั้งสองประเทศยังหาเหตุผลในการเข้ายึดประเทศไม่ได้ หากเข้าหักแบบไม่กลัวก็จะอายสายตาชาวโลก กลับกันหากไทยยังไม่เลิกทาส ทั้งสองประเทศอาจจะใช้ข้ออ้างนี้กล่าวหาว่าไทยเป็นประเทศบ้านป่าเมืองเถื่อน ประเทศแห่งความรุนแรง ประเทศไม่มีอารยธรรม ไม่มีกฎหมาย ไม่มีความเท่าเทียมกัน ทำให้ทั้งสองต้องเข้ามาจัดการประเทศเพื่อปลดแอกประชาชนให้เป็นอิสรภาพ
การก่อตัวของคลื่นใต้น้ำ
ไทยเองการต้านทานกระแสการล่าอาณานิคมของฝั่งยุโรป ใช้การเปิดรับวัฒนธรรมเพื่อปรับตัวอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่การต่อต้าน การปิดประตูเมือง ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์ดีเยี่ยม แต่การเปิดประตูเมืองให้ชาวต่างชาติคิดไม่ซื่อบางกลุ่ม ซึ่งหากไทยไม่เลิกทาสไปเองก่อน เชื่อเลยว่าเหล่าคนเผยแพร่ศาสนา ความรู้ จากนานาชาติตอนนั้น อาจจะมีการเผยแพร่แนวคิดการปลดแอกตัวเองจากการเป็นทาสก็เป็นได้ ซึ่งหากแนวคิดนี้จุดติด อาจจะทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำก่อตัวขึ้นมาเพื่อทำลายระบบนี้ก็เป็นได้ อย่าลืมว่าคนเป็นทาสย่อมต้องถูกกดขี่จนไม่ได้รับอิสระ พวกเค้าต้องการอิสระเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากพวกนานาชาติจับจุดตรงนี้ได้ก็สามารถปั่นหัวให้ไทยมีสงครามภายในจนสูญเสียการควบคุม สุดท้ายนานาชาติก็อ้างความชอบธรรมเข้ามาทำสงคราม เรียบร้อยไทยตกเป็นเมืองขึ้น
การประกาศตัวต่อชาวโลก
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ไทยหลุดพ้นจากการล่าเมืองขึ้นของฝรั่งได้ คงจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูต รัชกาลที่ 5 ทรงมองการณ์ไกลด้วยการเสด็จประพาสยุโรป เพื่อดูความเป็นไปของบ้านเมือง ไม่เพียงแต่จะนำแนวคิดมาพัฒนาประเทศเท่านั้นยังเป็นการประกาศตัวด้วยว่า ยังมีประเทศไทยอยู่บนโลกใบนี้ ทำให้การเข้ายึดประเทศเป็นเมืองขึ้นทำได้ยากขึ้น (แม้จะทำได้แต่การยอมรับจะน้อยลง) เมื่อไทยมีตัวตนบนเวทีโลก จากนั้นก็เลิกทาสได้แบบไม่เสียเลือดเนื้อ ย่อมทำให้นานาประเทศเข้าใจว่าไทยไม่ได้เป็นเมืองด้อยค่าแต่อย่างใด กลับกันหากไม่เลิกทาสไทยอาจจะโดนกดดันจนต้องเลิกทาสแบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้าจนเกิดผลกระทบใหญ่หลวงได้